เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” ในอีก 1 ปีข้างหน้า หรือกล่าวได้ว่า ในปี 2564 บ้านเราจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุถึงร้อยละ 20 และอีก 20 ปีข้างหน้า สัดส่วนผู้สูงอายุจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด ตามการรายงานของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย ดังนั้น การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนในภาคแรงงานให้นานที่สุด จึงเป็นตัวช่วยให้ประเทศไทยรับมือกับการเข้าสู่สังคมสูงวัย และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุได้อีกด้วย
การจ้างงานผู้สูงอายุในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตัวแรงงานวัยเก๋าเองแล้ว ยังเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากรัฐบาลได้ออกกฎหมายสนับสนุนให้บริษัทที่จ้างผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าทำงาน สามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึง 100% ของเงินที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างสูงอายุตามที่ปรากฏในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 639) พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560 และ ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 290) ลงวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560
ทั้งนี้ ภาคเอกชนในส่วนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งนายจ้างสามารถจ้างได้ไม่เกิน 10% ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด โดยผู้สูงอายุที่ว่าจ้างต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
- เป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- เป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว หรือเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน
- ไม่เป็นและไม่เคยเป็นกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างผู้สูงอายุเข้าทำงาน หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
- กรณีผู้สูงอายุทำงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหลายแห่งในเวลาเดียวกัน ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับผู้สูงอายุเข้าทำงานก่อน ได้รับสิทธิหักรายจ่ายได้ 2 เท่า
สำหรับผู้ประกอบการท่านใด ที่มีการจ้างงานผู้สูงอายุ และต้องการใช้สิทธิตามมาตรการจ้างงานผู้สูงอายุ เพื่อหักรายจ่ายได้ 2 เท่าได้ สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้…
1. ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทำการลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการมาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการจ้างผู้สูงอายุ ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (ระบบแจ้งการใช้สิทธิจ้างงานผู้สูงอายุ) โดยแจ้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้มีอำนาจลงนาม และอีเมลที่ต้องการติดต่อ เพื่อลงทะเบียนขอใช้สิทธิหักรายจ่ายได้ 2 เท่า (ลงทะเบียนเป็นผู้ประกอบการมาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการจ้างผู้สูงอายุ) จากนั้น ระบบจะส่งอีเมล พร้อมชื่อผู้ใช้งาน (User) และรหัสผ่าน (รหัสผ่าน) เพื่อนำไปใช้ในการเข้าสู่การบันทึกแบบแจ้งในขั้นตอนต่อไป
2. บันทึกแบบแจ้งและอัปโหลดไฟล์รายละเอียดการจ้างงานผู้สูงอายุ
นำชื่อผู้ใช้งาน (User) และรหัสผ่าน (รหัสผ่าน) ที่ได้จากอีเมล เข้าสู่ระบบการบันทึกแจ้งสิทธิ และทำการบันทึกข้อมูลการจ้างงานผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นข้อมูลสำหรับรอบบัญชีนั้นๆ ซึ่งประกอบด้วย เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สูงอายุที่ว่าจ้าง คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด และรายละเอียดช่วงเวลาของการว่าจ้าง อาทิ เริ่มจ้างเดือน เริ่มจ้างปี จ้างถึงเดือน จ้างถึงปี รวมระยะเวลา และทำการอัปโหลดไฟล์ เพื่อยื่นขอใช้สิทธิ (บันทึกแบบแจ้ง)
เพียงเท่านี้ ถือเป็นอันเสร็จสิ้น ผู้ประกอบการสามารถได้รับสิทธิในการหักรายจ่ายได้ 2 เท่าได้ของค่าจ้างผู้สูงอายุ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่ผู้ประกอบการควรรู้เอาไว้!